กล่าวถึงหนังสือ ใจเท่านั้นบันดาลแรง

ภาพจาก se-ed.com

สำหรับบทความนี้จะเป็นบทความเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้เต็มๆ หลังจากที่เคยเกริ่นนำไปแล้วนิดหน่อยในบทความ ซื้อหนังสือในรอบกี่เดือนเนี่ย สำหรับบทความนี้จะเป็นบทความที่เปิดเผยถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อหนังสือเล่มนี้

8 ตุลาคม
                อย่างที่ทราบกันแล้วในบทความ ซื้อหนังสือในรอบกี่เดือนเนี่ย ?  ความตั้งใจในวันนั้นผมตั้งใจจะหาเชอร์ล็อก โฮล์ม หรือนิยายดีๆสักเรื่องมาประดับตู้หนังสือสักหน่อยแต่แล้วเมื่อมันไม่มีหนังสือที่ถูกใจ ผมก็ลองเปลี่ยนแนวมาลองอ่านเรื่อยไปจนกระทั่งมาสะดุดกับหนังสือเล่มนี้”ใจเท่านั้นบันดาลแรง” ผมเปิดผ่านไปมาอย่างรวดเร็วผมสะดุดกับปกหลังไม่น้อย เขากล่าวถึงความอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจเมื่อตอนเดินทางไปย่างกุ้ง ประเทศพม่า แต่พอเมื่อเขาเดินออกมารอบๆเขากลับพบว่าปัญหาของเขามันช่างน้อยนิดนัก ผมรู้สึกว่านี้ละ เราต่างมีอะไรที่คล้ายกันเสียเหลือเกิน  ผมลองหาหนังสืออื่นสักระยะมีหนังสือที่อยู่ในความสนใจของผมอีกหลายเล่มผมคงจำชื่อไม่ได้แต่เป็นหนังสือสไตล์คำคม ความรัก  การปลุกพลัง  และยังมีหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่น่าสนใจไม่แพ้กันแต่เท่าที่ผมจำได้หนังสือเล่มนี้เป็น 1 ใน 100 เล่มที่ควรอ่านอะไรสักอย่าง ผมลังเลอยู่นานครับกับการจะเลือกซื้อหนังสือเล่มนี้  จนท้ายที่สุดผมก็มีความรู้ว่าผมคงเสียดายหากไม่ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ในที่สุดผมก็หยิบมันมาจากชั้นวางและผมก็ได้ครอบครองมันเป็นที่เรียบร้อย

10 ตุลาคม
                ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้อ่านมันเป็นหนังสือที่ผู้เขียนได้รวบรวมสิ่งที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจสำหรับเขา สิ่งที่ผมรู้สึกตอนแรกหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่น่าสนใจนะ มีแง่มุมความคิด อะไรที่แปลกใหม่

11 ตุลาคม
                ในบทต่อมาผมเริ่มรู้สึกรำคาญกับสิ่งที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวอักษร อะไรก็จะกล่าวถึงพม่าซึ่งผมไม่ค่อยจะชื่นชอบประเทศนี้สักเท่าไหร่หรือจะกล่าวถึงอะไรก็ตาม สำหรับตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าผมคิดถูกหรือไม่ว่าผมนำเจ้าหนังสือเล่มนี้มาในครอบครองกับราคา 185 บาท มันคุ้มหรือไม่

12 ตุลาคม
                เวลาแห่งการไม่มีอะไรทำ ผมหยิบหนังสือเล่มเล็กเล่มนี้มาอ่านเพื่อจะได้มีอะไรทำ เนื้อหายังคงเป็นไปอย่างเรื่อยๆแต่ผมเริ่มรู้สึกดีกับหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเรื่อง”เจซูตินบาเด ความหมายของการขอบคุณ”,”พระรอง”,”ฉีกตำรา”,”ยอดนักกีฬา” เนื้อหาเหล่านี้มันทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อย ผมคิดว่ามันสุดยอดมากที่ผมได้อ่านเรื่องเหล่านี้ เพราะชาตินี้เองคงไม่ได้พาลพบเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดด้วยตัวเอง  คงเหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “อ่านหนังสือคือการอ่านประสบการณ์”นั่นเอง

14  ตุลาคม
                ผมเว้นว่างจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ไป 1 วันเนื่องจากภารกิจในชีวิตนั่นก็คือการไปเตะบอลกับเพื่อนฟูงกลับมาก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะหยิบหนังสือเล่มเล็กเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน ผมกลับมาอ่านมันอีกครั้งในวันนี้ หนังสือเล่มนี้ดีกว่าที่คิดเยอะผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าโชคดีแค่ไหนที่เอาหนังสือเล่มนี้มาจากร้านหนังสือ ผมสัมผัสได้กับประสบการณ์ของเจ้าของหนังสือมันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม จะว่าไปก็มีเรื่องหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ามันสุดยอดไปเลยนั่นก็คือ “นักเขียนสุนัข” ผมคงไม่สปอยให้เสียอรรถรสเพียงแต่อยากบอกว่าผมรู้สึกดีกับเรื่องนี้อย่างยิ่งและผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้อ่านตอนนี้คงจะมีความรู้สึกไม่ต่างกับผม

15  ตุลาคม
                วันนี้นี้เอง วันสุดท้ายของการอ่านหนังสือเล่มนี้ในตอนที่เหลือสำหรับผมแล้วไม่มีตอนใดน่าสนใจเท่าไหร่จะมีเพียงตอน”แม่ของผม” ที่เวลาอ่านแล้วก็ต้องย้อนดูตัวเองว่าเราดูแลครอบครัวดีแล้วหรือยัง

ทั้งเล่มก็จบด้วยแต่เพียงเท่านี้   สรุปก็คือ  ผมรู้สึกดีกับหนังสือเล่มนี้

0 comments:

Post a Comment

Newer Post Older Post Home

Followers

    Joe Pager (^__^)


Recent Comments